1 / 48

Fundamental Logistics Management

Fundamental Logistics Management. ความหมาย ของโล จิสติกส์ (Logistics). โลจิสติกส์ ( L ogistics ) มาจากภาษาฝรั่งเศส คำว่า L ogistique ที่มีรากศัพท์ คำว่า โลเชร์ ( L oger ) หมายถึง การเก็บ

eelmer
Download Presentation

Fundamental Logistics Management

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. Fundamental Logistics Management

  2. ความหมายของโลจิสติกส์ (Logistics) • โลจิสติกส์ (Logistics) มาจากภาษาฝรั่งเศสคำว่า Logistiqueที่มีรากศัพท์คำว่า โลเชร์(Loger) • หมายถึง การเก็บ • มีจุดเริ่มต้นมาจากการขนส่งสินค้าทางการทหาร ในการส่งกำลังบำรุง ทั้งเสบียง อาวุธ กำลังพล เพื่อสนับสนุนการรบ หรือกิจกรรมที่มีการเคลื่อนย้าย จัดเก็บ จากอีกที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง อาจมีการจัดเก็บระยะเวลานานหรือระยะเวลาชั่วคราว เช่น เอกสาร สินค้าสำเร็จรูป วัตถุดิบ เป็นต้น

  3. ความหมายของโลจิสติกส์ (Logistics) คำนิยามของ The Council of Logistics Management • กระบวนการวางแผนการดำเนินงาน การควบคุมการเคลื่อนย้ายทั้งไปและกลับ การเก็บรักษาสินค้า บริการ และข้อมูลที่เกี่ยวข้องอย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผล ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของการผลิตไปสู่จุดสุดท้ายของการบริโภคเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า

  4. ระดับการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทยระดับการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้จำแนกไว้ 4 ระดับ ดังนี้ • การกระจายสินค้า (Physical Distribution) • การบูรณาการโลจิสติกส์ภายใน (Internally Integrated Logistics) • การบูรณาการโลจิสติกส์ภายนอก (Externally Integrated Logistics) • การจัดการโลจิสติกส์ข้ามชาติ (Global Logistics Management)

  5. การกระจายสินค้า (Physical Distribution) • การพัฒนาที่มุ่งเน้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในการขนส่งสินค้าสำเร็จรูปจากผู้ผลิตไปยังผู้บริโภค ซึ่งจะครอบคลุมกิจกรรมต่าง ๆ ได้แก่ การขนส่ง (Transportation) การจัดเก็บสินค้า(Warehousing) การจัดการวัสดุ (Supply Management) และการบรรจุภัณฑ์ (Packaging) • ในระดับนี้จะยังไม่มุ่งเน้นการพัฒนาในส่วนที่เป็นสินค้าคงคลังที่เป็นวัตถุดิบ (Raw Material) และสินค้าระหว่างผลิต (Work in Process)

  6. การบูรณาการโลจิสติกส์ภายใน (Internally Integrated Logistics) • เป็นระดับการพัฒนาที่บูรณาการกิจกรรมโลจิสติกส์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนกระบวนการผลิต(Production) โดยจะบูรณาการการจัดการภายในบริษัทตั้งแต่กิจกรรมการวางแผนผลิตการจัดซื้อวัตถุดิบ จนถึงการกระจายสินค้าส่งถึงผู้บริโภคเพื่อเพิ่มความถี่ หรือความสามารถในการระบายสินค้าอันจะส่งผลทำให้ปริมาณสินค้าคงคลังลดลงได้ • การพัฒนาในระดับนี้จำเป็นต้องใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และระบบซอฟท์แวร์ ช่วยในการบริหารจัดการกิจกรรมทั้งระบบด้วย

  7. การบูรณาการโลจิสติกส์ภายนอก (Externally Integrated Logistics) • เป็นระดับการพัฒนาที่มีการบูรณาการการขนส่งทุกรูปแบบ (Mode) อย่างมีระสิทธิภาพ เช่นการกำหนดให้มีจุดขนถ่ายสินค้าที่ได้มาตรฐาน รวมถึงนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการบูรณาการข้อมูลระหว่างบริษัทคู่ค้า (Partner) • นอกจากนี้ยังมีการใช้บริการจากผู้ให้บริการโลจิสติกส์ (Third Party Logistics Provider) เฉพาะด้านด้วย เช่น DHL, FedEx, Maersk, Kerry Express etc.

  8. การจัดการโลจิสติกส์ข้ามชาติ (Global Logistics Management) • เป็นระดับการพัฒนาที่เกิดจากบริษัทข้ามชาติเพื่อแก้ปัญหาเรื่องต้นทุนในประเทศ เริ่มหาแหล่งวัตถุดิบ หรือแรงงานที่มีต้นทุนต่ำกว่าในต่างประเทศ • ด้านการขนส่งจะมีการเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างประเทศที่มีประสิทธิภาพด้วยการบริการจัดการ การขนส่งในรูปแบบต่าง ๆ รวมไปถึงการส่งเสริมการส่งสินค้าผ่านแดน • นอกจากนี้ยังมีการให้ความสำคัญกับผลกระทบของการขนส่งต่อสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยด้านการขนส่ง ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศจะมีการเชื่อมโยงระบบเครือข่ายภายในและระหว่างประเทศ และมีการพึ่งพาผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศด้วย

  9. วัตถุประสงค์ของงานด้านโลจิสติกส์วัตถุประสงค์ของงานด้านโลจิสติกส์ • สามารถตอบสนองลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว • ลดความแปรปรวนของกระบวนการต่างแๆให้เหลือน้อยที่สุด • จัดเก็บสินค้าคงคลัง หรือ วัสดุคงคลังอื่น ๆ ในปริมาณน้อยที่สุด • บริหารจัดการการเคลื่อนย้ายวัสดุ สินค้าต่าง ๆ ให้เหมาะสม • วัตถุประสงค์อื่น ๆ ที่องค์กรคาดหวัง หรือโซ่อุปทานคาดหวัง

  10. สามารถตอบสนองลูกค้าได้อย่างรวดเร็วสามารถตอบสนองลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว • เป็นวัตถุประสงค์หลักในการให้บริการลูกค้า สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในเวลาที่เหมาะสม โดยที่ในการดำเนินการจะมุ่งเน้นที่ความรวดเร็วในการส่งมอบ การจัดให้มีสินค้าคงคลังอย่างเพียงพอ หรืออาจจะต้องจัดหาศูนย์กระจายสินค้าที่ใกล้กับกลุ่มลูกค้าที่จะสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ และการพยากรณ์ความต้องการของลูกค้าที่ค่อนข้างแม่นยำ

  11. ลดความแปรปรวนของกระบวนการต่าง ๆ ให้เหลือน้อยที่สุด • ความแปรปรวนในกระบวนการ อาจจะเกิดจากความล่าช้าในการรับคำสั่งซื้อจากลูกค้า ความล่าช้าจากการส่งผิด เหตุการณ์ผิดปกติที่ไม่ได้รับการแก้ไข ทำให้เกิดความขัดข้องในกระบวนการผลิต ในการดำเนินงานจึงอาจจะมุ่งเน้นไปที่การจัดการข้อมูลให้มีความถูกต้อง แม่นยำ ใช้เวลารับ-ส่งข้อมูลสั้น

  12. บริหารจัดการการเคลื่อนย้ายวัสดุ สินค้าต่าง ๆ ให้เหมาะสม • ระบบโลจิสติกส์จะต้องออกแบบเพื่อเอื้อต่อการลดปริมาณการจัดเก็บสินค้าคงคลัง วางแผนการดำเนินการให้จัดส่งสินค้าโดยตรงไปยังลูกค้าโดยไม่ต้องทำการจัดเก็บ หรือการเพิ่มอัตราในการใช้ หรือการหมุนรอบของวัสดุคงคลังให้มีการหมุนรอบได้เร็วขึ้น

  13. บริหารจัดการการเคลื่อนย้ายวัสดุ สินค้าต่าง ๆ ให้เหมาะสม • การเคลื่อนย้าย และการขนส่งสินค้า จัดได้ว่า เป็นกิจกรรมที่ก่อให้เกิดต้นทุน ทางโลจิสติกส์มากที่สุด ดังนั้นจึงจำเป็นต้องวางแผนการเคลื่อนย้าย หรือการขนส่งให้มีความเหมาะสม ลดต้นทุนในการขนส่งได้ เช่น การรวมการขนส่งสินค้าไปยังลูกค้าที่อยู่ใกล้กัน การวางแผนการเคลื่อนย้ายสินค้าภายในคลังสินค้า หรือการวางแผนการขนส่งให้เหมาะสม

  14. วัตถุประสงค์อื่น ๆ ที่องค์กรคาดหวัง หรือโซ่อุปทานคาดหวัง • วัตถุประสงค์ต่าง ๆ เหล่านี้ อาจจะขัดแย้งกันระหว่างองค์กรต่าง ๆ ที่อยู่ในโซ่อุปทานเดียวกัน ดังนั้นสมาชิกของโซ่อุปทานจำเป็นจะต้องทำการหารือกัน เพื่อให้ได้ซึ่งวัตถุประสงค์ในการดำเนินการร่วมกัน เพื่อทำการออกแบบโซ่อุปทาน และกิจกรรมโลจิสติกส์ให้เหมาะสม สามารถตอบสนองวัตถุประสงค์ในการดำเนินการได้

  15. กิจกรรมด้านโลจิสติกส์ (Logistics Activities) • เป็นกิจกรรมสนับสนุนการทำงานภายในองค์กร เพื่อให้ทุกหน่วยงานภายในเชื่อมโยงเข้าหากัน รวมถึงการเชื่อมโยงภายจากนอกองค์กร ทั้งด้านอุปสงค์และอุปทาน โดยกิจกรรมหลักด้าน โลจิสติกส์ (Key Logistics Activities) สามารถแบ่งออกเป็น 13 กิจกรรม ดังนี้

  16. กิจกรรมด้านโลจิสติกส์ (Logistics Activities) • การติดต่อสื่อสารด้านโลจิสติกส์ (Logistics Communications) • การบริการลูกค้า (Customer Service) • กระบวนการสั่งซื้อ (Order Processing) • การคาดการณ์ความต้องการ (Demand Forecasting) • การจัดซื้อ (Procurement) • การบริหารสินค้าคงคลัง (Inventory Management) • การบริหารการขนส่ง (Traffic and Transportation)

  17. กิจกรรมด้านโลจิสติกส์ (Logistics Activities) • การบริหารคลังสินค้าและการจัดเก็บ (Warehousing and Storage) • โลจิสติกส์ย้อนกลับ (Reverse Logistics) • การจัดเตรียมอะไหล่และชิ้นส่วนต่างๆ (Parts and Services Support) • การเลือกที่ตั้งโรงงานและคลังสินค้า (Plant and Warehouse Site Selection) • การขนถ่ายวัตถุดิบและเคลื่อนย้ายสินค้าภายใน (Material Handling) • การบรรจุภัณฑ์และหีบห่อ (Packaging)

  18. การติดต่อสื่อสารด้านโลจิสติกส์ (Logistics Communications) • เป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการทางธุรกิจ ที่ทำให้เกิดกระบวนการทางโลจิสติกส์ • การสื่อสารภายนอกองค์กร องค์กรได้ให้ความสำคัญกับการสื่อสารกับลูกค้าหรือกับผู้ขาย • การสื่อสารระหว่างหน่วยงานภายในองค์กร เพื่อให้มีผลต่อประสิทธิภาพการทำงานทางด้านโลจิสติกส์ • การสื่อสารเป็นปัจจัยหนึ่งที่ก่อให้เกิดต้นทุนขึ้นได้ เช่น การรับข้อมูล และส่งต่อข้อมูลที่ผิดพลาด ทำให้ฝ่ายผลิตหรือจัดส่งนำส่งสินค้าผิดรายการหรือผิดจำนวน มีผลต่อระดับการให้บริการหรือความพึงพอใจของลูกค้า • การติดต่อสื่อสารที่ดีส่งผลให้องค์กรเกิดความได้เปรียบในการแข่งขัน เพราะทำให้เกิดการดำเนินงานที่ต่อเนื่อง เกิดการเชื่อมโยงและการไหลของข้อมูล ส่งผลให้กระบวนการเคลื่อนไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  19. การบริการลูกค้า (Customer Service) • เป็นกิจกรรมที่เกิดขึ้นเพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า • กิจกรรมนี้ครอบคลุมตั้งแต่การนำส่งสินค้าที่ถูกต้อง ถูกจำนวน ถูกสถานที่ ถูกเวลาตรงตามเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้ ด้วยต้นทุนที่ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้ • ประสิทธิภาพในการให้บริการจะมากหรือน้อยนั้นต้องขึ้นอยู่กับกิจกรรมทางด้านโลจิสติกส์อื่นประกอบด้วย เช่น กิจกรรมการขนส่งที่ช้าจะส่งผลให้ระดับความพึงพอใจของลูกค้าลดลง

  20. กระบวนการสั่งซื้อ (Order processing) • กระบวนการในการจัดการคำสั่งซื้อ ครอบคลุมตั้งแต่การรับคำสั่งซื้อจากลูกค้า การติดต่อสื่อสารกับลูกค้า การตรวจสอบยอดสินค้าคงคลัง รวมถึงรายละเอียดเกี่ยวกับลูกค้า • กิจกรรมนี้เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างองค์กรกับลูกค้า ดังนั้นมีผลต่อระดับความพึงพอใจของลูกค้าได้ง่าย จึงควรใช้เวลาในกระบวนการนี้ให้สั้นและหลีกเลี่ยงความผิดพลาดให้ได้มากที่สุด

  21. การคาดการณ์ความต้องการ (Demand forecasting) • เป็นการพยากรณ์ความต้องการในตัวสินค้าหรือบริการของลูกค้า นับว่าเป็นกิจกรรมที่มีความสำคัญในการสร้างผลกำไรหรือทำให้องค์กรขาดทุนได้ • การคาดการณ์ความต้องการช่วยให้องค์กรสามารถกำหนดทิศทางในการดำเนินงาน กล่าวคือ สามารถวางแผนความต้องการใช้ทรัพยากรในแต่ละกระบวนการได้อย่างเหมาะสม ส่งผลให้ปริมาณการจัดเก็บสินค้าคงคลังเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

  22. การจัดซื้อ (Procurement) • การจัดซื้อเป็นกิจกรรมในการจัดหาแหล่งวัตถุดิบเพื่อจัดซื้อสินค้าและวัตถุดิบนั้น ๆ • รวมไปถึงการบริหารอุปทานโดยรวมตั้งแต่การคัดเลือกผู้ขาย การเจรจาต่อรองราคาหรือเงื่อนไขปริมาณในการสั่งซื้อ และการประเมินคุณภาพของผู้ขายสินค้าและวัตถุดิบนั้น ๆ • วัตถุประสงค์เพื่อให้มั่นใจว่าองค์กรได้รับสินค้าหรือวัตถุดิบที่มีคุณภาพตรงตามความต้องการไปใช้ในการปฏิบัติงานขององค์กรตามส่วนงานต่าง ๆ ด้วยต้นทุนที่เหมาะสมที่สุดทั้งในตัวสินค้าหรือวัตถุดิบเอง และกระบวนการจัดซื้อ

  23. การบริหารสินค้าคงคลัง (Inventory Management) • การบริหารสินค้าคงคลังเป็นกิจกรรมหนึ่งที่มีผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานของส่วนงานอื่น รวมถึงมีผลต่อกำไรขาดทุนขององค์กร เช่น หากระดับสินค้าคงคลังสูงทำให้ต้นทุนในการจัดเก็บดูแลเพิ่มขึ้น หากสินค้าที่เก็บล้าสมัยจะก่อให้เกิดต้นทุนเพิ่มมากขึ้นอีก • ในแง่ของผลกระทบต่อส่วนงานอื่น เช่น หากมีการจัดเก็บสินค้าคงคลังที่น้อยต้นทุนในการจัดเก็บดูแลก็จะต่ำ แต่องค์กรอาจพบว่าต้นทุนในการขนส่งเพิ่มมากขึ้นก็เป็นได้ เพราะปริมาณการจัดเก็บที่น้อย ทำให้ความถี่ในการขนส่งสูงขึ้น ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องพิจารณาประกอบกันไปอยู่เสมอ • Inventory Management Process

  24. การบริหารการขนส่ง (Traffic and Transportation) • การเคลื่อนย้ายวัตถุดิบ หรือสินค้าตั้งแต่จุดเริ่มต้นไปยังจุดที่มีการบริโภค หรือการส่งคืนสินค้าผิดปกติกลับมายังคลังสินค้า รวมถึงการขนย้ายสินค้าเพื่อนำไปยังจุดที่จะทำลาย • องค์กรต้องคำนึงถึงรูปแบบลักษณะการเลือกวิธีการขนส่งประเภทต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับตัวสินค้า รวมถึงเส้นทางในการขนส่งอีกด้วย เช่น ทางอากาศ ทางน้ำ ทางรถไฟ ทางท่อ ทางรถ เป็นต้น เพื่อให้ถูกต้องตามกฎระเบียบของภูมิภาคนั้น ๆ • เป็นการสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าองค์กร มีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการจัดส่งให้ถูกสถานที่ถูกเวลาในสภาพที่สมบูรณ์ รวมถึงการควบคุมต้นทุนที่จะเกิดขึ้นให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด • Intermodal Transportation(Ekol Logistics)

  25. การบริหารคลังสินค้าและการจัดเก็บ (Warehousing and Storage) • เป็นกิจกรรมที่เกิดขึ้นภายในคลังสินค้า ตั้งแต่กระบวนการในการวางโครงสร้างคลังสินค้า การออกแบบและจัดวาง การจัดการพื้นที่ภายในคลังสินค้า ระดับของสินค้าคงคลัง • การดูแลรักษา อุปกรณ์เครื่องใช้ต่าง ๆ ที่จำเป็นในการดำเนินกิจกรรมภายในคลังสินค้าเพื่อให้การจัดการคลังสินค้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดด้วยต้นทุนที่เหมาะสมที่สุด • Behind the scenes of an Amazon warehouse

  26. โลจิสติกส์ย้อนกลับ (Reverse Logistics) • กระบวนการจัดการสินค้าที่ถูกส่งกลับคืน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลที่ว่าสินค้าเสียหาย หรือหมดอายุการใช้งาน • องค์กรมีความจำเป็นในการวางนโยบายที่จะรองรับสินค้าที่ถูกส่งคืนหรือขยะพวกนี้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้เกิดต้นทุนน้อยที่สุด • บางครั้งสินค้าเหล่านี้อาจนำกลับมาสร้างประโยชน์โดยการนำมาผ่านกระบวนการ หรือนำกลับมาใช้ใหม่ก็เป็นได้ ซึ่งจะช่วยในเรื่องของต้นทุนได้เป็นอย่างดี • ในกรณีที่เป็นสินค้าอันตรายมีผลต่อสภาพแวดล้อม ปัจจุบันมีกฎระเบียบที่เคร่งครัดสำหรับเรื่องการทำลายสินค้าให้เหมาะสมทำให้องค์กรควรตระหนักถึงส่วนนี้ด้วย • Return to Value - P.E.T. Bottles Recycling

  27. การจัดเตรียมอะไหล่และชิ้นส่วนต่างๆ (Parts and Services Support) • เป็นส่วนหนึ่งของการบริการหลังการขาย โดยมีการจัดหาชิ้นส่วน อะไหล่ และเครื่องมืออุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการให้บริการที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพในกรณีที่สินค้าเกิดชำรุด ไม่ว่าจะเป็นเพราะจากความบกพร่องของกระบวนการผลิตหรือจากการใช้งานของลูกค้าเองก็ตาม • เป็นการรักษาระดับความพึงพอใจของลูกค้าไว้และรักษาลูกค้าให้คงอยู่กับองค์กรในระยะยาว องค์กรมีความจำเป็นที่จะต้องมีระบบการจัดการในส่วนนี้ที่มีประสิทธิภาพ

  28. การเลือกที่ตั้งโรงงานและคลังสินค้า (Plant and Warehouse Site Selection) • กิจกรรรมการเลือกที่ตั้งของโรงงานและคลังสินค้าที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดความสะดวกในการเข้าถึง และลดระยะทางการขนส่ง เพื่อเพิ่มระดับสามารถในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว

  29. การขนถ่ายวัตถุดิบและเคลื่อนย้ายสินค้าภายใน (Material Handling) • กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้ายวัตถุดิบ สินค้าระหว่างผลิต และสินค้าสำเร็จรูปภายในโรงงานหรือคลังสินค้า • มีวัตถุประสงค์ในการลดระยะทางในการเคลื่อนย้าย จำนวนครั้งในการเคลื่อนย้าย รวมถึงปริมาณของวัตถุที่เคลื่อนย้าย เพื่อให้มีต้นทุนในการจัดการที่ต่ำที่สุด เพราะการเคลื่อนย้ายทุกครั้งก่อให้เกิดต้นทุนแก่องค์กรทั้งสิ้น • 'Material Handling Made Simple' at Everest Spices with DAIFUKU ASRS

  30. การบรรจุภัณฑ์และหีบห่อ (Packaging) • วัตถุประสงค์ของบรรจุภัณฑ์และหีบห่อ ตามหลักการตลาดมีไว้เพื่อเป็นการบ่งบอกรายละเอียดของสินค้าและสร้างการรับรู้ในตัวสินค้า • แต่ในด้านโลจิสติกส์ บรรจุภัณฑ์และหีบห่อนั้นมีไว้เพื่อป้องกันตัวสินค้าจากความเสียหาย และอำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายและจัดเก็บ การออกแบบบรรจุภัณฑ์หรือหีบห่อนั้นต้องมีความเหมาะสมกับอุปกรณ์การขนย้ายและคลังสินค้า เพื่อช่วยในการลดต้นทุนด้านวัตถุดิบ • Packaging in Logistics Management

  31. บทบาทของโลจิสติกส์ที่มีต่อองค์กรบทบาทของโลจิสติกส์ที่มีต่อองค์กร โลจิสติกส์มีบทบาทสำคัญต่อการดำเนินการของแต่ละองค์กรในด้านต่าง ๆ ดังนี้ • ด้านการผลิตและปฏิบัติการ (Manufacturing and Operation) • ด้านการตลาด (Marketing) • ด้านการเงิน (Financial)

  32. ด้านการผลิตและปฏิบัติการ (Manufacturing and Operation) • มีบทบาทสำคัญโดยเฉพาะในด้านการจัดหา (Procurement) วัตถุดิบป้อนสายการผลิต การควบคุมสินค้าคงคลัง (Inventory Control) ทั้งวัตถุดิบ (Raw Material) และสินค้าสำเร็จรูป (Finished Goods) • การขนถ่ายวัตถุดิบ และเคลื่อนย้ายสินค้าภายใน (Materials Handling) เพื่อสนับสนุนการผลิตให้เป็นไปอย่างราบรื่นต่อเนื่อง และมีประสิทธิภาพ • นอกจากนี้ กิจกรรมโลจิสติกส์ เช่น การวางแผนผลิต/ตารางการผลิต (Production Planning/Scheduling) การพยากรณ์ความต้องการ (Demand Forecasting) วัตถุดิบ และการจัดเก็บวัตถุดิบ ยังมีบทบาทสำคัญช่วยสนับสนุนการผลิตสินค้าด้วย

  33. ด้านการตลาด (Marketing) • โลจิสติกส์มีบทบาทเกี่ยวข้องกับการตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการพยากรณ์ความต้องการ (Demand Forecasting) สินค้า การเติมเต็มคำสั่งซื้อ (Order Fulfillment) และการขนส่งสินค้า (Transportation) • กิจกรรมโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพจะทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในเวลา และสถานที่ที่ลูกค้าต้องการ ทำให้ลูกค้ามีความพึงพอใจสูงสุด

  34. ด้านการเงิน (Financial) • โลจิสติกส์มีผลกระทบโดยตรงต่อการเงินขององค์กร เช่น รายได้และการลงทุน โดยการมีสินค้าคงคลังที่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าจะเป็นตัวผลักดันทำให้องค์กรสามารถเพิ่มรายได้ได้มากขึ้น • การปฏิบัติงานโลจิสติกส์อื่น ๆ ที่มีประสิทธิภาพยังจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานขององค์กรได้อย่างมาก • ระยะเวลาในการส่งมอบวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูปที่สั้นลงยังมีส่วนช่วยลดปริมาณสินค้าคงคลัง และลดต้นทุนจมที่เกิดจากการจัดเก็บสินค้าคงคลังที่มากเกินความจำเป็นอีกด้วย

  35. บทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานบทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน การสื่อสารพื้นฐาน • ระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Data Interchange: EDI) เป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่มีโครงสร้างระหว่างคอมพิวเตอร์กับคอมพิวเตอร์เพื่อการประมวลผลอัตโนมัติ ถูกใช้โดยบริษัทที่เป็นพันธมิตรกันในโซ่อุปทานเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลที่จำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจ • EDI ทำให้ข้อมูลการซื้อขายของลูกค้ากับบริษัท มีความแม่นยำและมีประสิทธิภาพสูงมาก ไม่จำเป็นต้องใช้พนักงานในการรับส่งข้อมูลที่ต้องการจะแลกเปลี่ยน

  36. บทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานบทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน

  37. บทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานบทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน การวางแผนโซ่อุปทาน • การวางแผนทรัพยากรองค์กร (Enterprise Resource Planning หรือ ERP) เป็นระบบสารสนเทศที่อิงการทำธุรกรรมและบูรณาการทั้งระบบธุรกิจ สามารถเก็บข้อมูลของทั้งธุรกิจเข้าสู่ระบบสารสนเทศไว้ที่เดียวกัน เช่น คำสั่งซื้อลูกค้า สินค้าคงคลัง การเงิน

  38. บทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานบทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน การจัดการคลังสินค้า • ระบบการจัดการคลังสินค้า (Warehouse Management System หรือ WMS) เป็นระบบที่นำมาใช้เพื่อควบคุมกิจกรรมดั้งเดิมของการจัดการคลังสินค้า ช่วยจัดการเกี่ยวกับพนักงานปฏิบัติการในคลัง และรถยก สามารถทำงานในรูปแบบไร้สาย รวมถึงระบบการทำงานและอุปกรณ์อื่น ๆ เช่น ระบบจัดเก็บและหยิบเลือกอัตโนมัติ และระบบขนส่งเคลื่อนที่อัตโนมัติ

  39. บทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานบทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน การจัดการสินค้าคงคลัง • ระบบพยากรณ์และจัดการสินค้าคงคลัง ระบบสามารถพยากรณ์อุปสงค์ในอนาคตของลูกค้า และความต้องการในการถือครองสินค้าคงคลังที่เกี่ยวข้องกัน ผ่านเทคนิควิธีการต่าง ๆ • ระบบประเภทนี้จะรับข้อมูลโดยตรงจากการประมวลผลคำสั่งซื้อของฝ่ายขายและระบบจัดการคลังสินค้า เพื่อประเมินอุปสงค์ของลูกค้าในแต่ละ SKU (Stock Keeping Unit) จึงช่วยให้องค์กรลดการถือครองสินค้าคงคลังลงได้ ปรับปรุงการหมุนเวียนสินค้าคงคลังและผลตอบแทนของเงินลงทุนและลดโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์สินค้าคงคลังหมด

  40. SKU (Stock Keeping Unit) • คือ หน่วยที่จำแนกประเภทสินค้าที่เล็กที่สุดในระบบสินค้า เป็นการช่วยแยกความแตกต่างของสินค้าประเภทเดียวกันที่มีความแตกต่างไม่ว่าจะเป็น สี ขนาด หรือลวดลาย ยกตัวอย่างเช่น รองเท้ากีฬา ที่มีสี 4 สี SKU จะเป็นตัวที่ใช้แยกประเภทของรองเท้ากีฬาแต่ละสี เพื่อให้ได้ทราบถึงจำนวนสินค้าในคลังสินค้าได้อย่างชัดเจนที่สุด ซึ่งจะแตกต่างกับการกำหนดรหัสสินค้า ที่สามารถกำหนดได้เพียงรหัสเดียวต่อสินค้า 1 รายการ แต่หากสินค้านั้น มีการแยกย่อยลงไปอีก อาจจะทำให้ไม่สามารถทราบได้ว่าสินค้าที่เหลืออยู่ในคลัง เป็นสินค้าที่แยกย่อยเป็นประเภทใดบ้าง เพราะถูกกำหนดด้วยรหัสสินค้าเดียวกันทั้งหมด จึงมีการนำ SKU เข้ามาใช้งาน เพื่อให้แยกประเภทสินค้าได้ละเอียดมากขึ้น

  41. บทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานบทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน การขนส่ง • การจัดการการติดตามและตรวจสอบกลุ่มยานพาหนะ (Vehicle Fleet Management หรือ VFM) ช่วยผู้จัดการฝ่ายขนส่งในการติดตามประสิทธิผลของยานพาหนะที่ใช้ในการขนส่ง โดยมีการเก็บข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิเช่น ระยะทางที่เดินทาง รายละเอียดของพาหนะ น้ำหนักที่ขน เชื้อเพลิงที่ใช้ รายละเอียดพนักงานขับรถ เพื่อนำมาใช้คำนวณสำหรับสร้างดัชนีหลักสำหรับการวัดสมรรถนะยานพาหนะได้

  42. บทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานบทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า • การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า (Customer Relationship Management หรือ CRM) ระบบสารสนเทศสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า • เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าทำให้เกิดรูปแบบต่าง ๆ ของการสร้างความสัมพันธ์ลูกค้าตามมา ช่วยให้สามารถเก็บข้อมูลและจัดกลุ่มลูกค้าได้อย่างเป็นหมวดหมู่ สามารถเข้าถึงลูกค้าและลูกค้าเข้าถึงองค์กรได้ง่ายและรวดเร็ว • เป้าหมายในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า เพื่อให้ได้ ลูกค้าประจำที่จงรักภักดี (Customer Loyalty) และมีโอกาสซื้อซ้ำสูง ส่งผลให้ธุรกิจของคุณมียอดขายที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และมั่นคงกว่ายอดขายที่ได้จากลูกค้าขาจร

  43. บทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานบทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน ระบบการขายหน้าร้าน • ระบบบริหารการขายหน้าร้าน (Point-of-Sale) เป็นระบบที่ช่วยบันทึกธุรกรรมที่จุดขายในทันที มีการระบุรายละเอียดของสินค้า บันทึกสินค้า จัดการราคา ทำให้กระบวนการขายสินค้าทำได้รวดเร็วขึ้น ลดข้อผิดพลาดจากการคิดราคาผิด หรือรวมราคาผิด อีกทั้งยังสามารถประสานการเติมเต็มสินค้าได้ทันเวลา ทำให้ลดปัญหากรณีที่สินค้าคงคลังหมดจากหน้าร้าน

  44. บทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานบทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ • พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Commerce) เป็นการค้าผ่านทางอินเทอร์เน็ต ช่วยให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าและบริการได้ง่ายขึ้น หรือแม้แต่การติดต่อกันระหว่างผู้ประกอบการกับผู้ประกอบการด้วยกันเอง โดยสามารถแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าและการบริการไว้บนเว็บไซต์ ทำให้การทำการค้าระหว่างกันมีความสะดวกและรวดเร็วขึ้น

  45. ประโยชน์ของเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน ในการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน จะเกิดประโยชน์ต่อองค์กร และโซ่อุปทานดังต่อไปนี้ • สามารถเชื่อมโยงกิจกรรมการดำเนินงานและหน่วยงานต่าง ๆ ด้วยกัน • ช่วยให้เกิดการประสานร่วมมือกันระหว่างองค์กรภายในโซ่อุปทาน • ข้อมูลที่ผ่านระบบสารสนเทศสามารถควบคุมและตรวจสอบความถูกต้องได้ • สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว

  46. ประโยชน์ของเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน • ช่วยลดความซ้ำซ้อนในการดำเนินงานและส่งผลไปยังการลดต้นทุนในการดำเนินงาน • สามารถนำมาใช้สร้างเป็นฐานข้อมูลเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในการวิเคราะห์ทางธุรกิจ • ตัวอย่างองค์กรที่สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีในการดำเนินงานภายในโซ่อุปทานเพื่อก่อให้เกิดการประสานร่วมมือกันและเกิดการเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงานภายในโซ่อุปทาน

More Related