230 likes | 383 Views
ชื่อผู้วิจัย ไกรสร ศรีภูวงศ์ ( sripuwong@hotmail.com ) ตำแหน่งครู วิทย ฐานะ ชำนาญการพิเศษ โรงเรียนหนองขามวิทยา คาร จังหวัดขอนแก่น สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 5. ชื่อที่ปรึกษา 1.รศ.ดร. เพ็ญณี แนรอท ( st.hian@hotmail.com )
E N D
ชื่อผู้วิจัย ไกรสร ศรีภูวงศ์ (sripuwong@hotmail.com) ตำแหน่งครู วิทยฐานะ ชำนาญการพิเศษโรงเรียนหนองขามวิทยาคาร จังหวัดขอนแก่น สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 5 ชื่อที่ปรึกษา 1.รศ.ดร.เพ็ญณีแนรอท( st.hian@hotmail.com) นักวิเทศสัมพันธ์ สำนักงานคณบดี คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ชื่อที่ปรึกษา 2.รศ.สมปัตตัญตรัยรัตน์ (tsompa@kku.ac.th) อาจารย์ประจำภาควิชาภาษาไทยคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหาความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา ภาษาไทยเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติ เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมอันก่อให้เกิดความเป็นเอกภาพ และ เสริมสร้างบุคลิกภาพของคนในชาติให้มีความเป็นไทย เป็นเครื่องมือในการติดต่อสื่อสารเพื่อสร้างความ เข้าใจและความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 มาตรา 22 กล่าวถึงการศึกษาว่า ผู้เรียนทุกคนมี ความสามารถในการเรียนรู้ พัฒนาตนเองได้ตามธรรมชาติ เต็มศักยภาพ และถือว่าผู้เรียนสำคัญที่สุด สอดคล้องกับสมปัตตัญตรัยรัตน์ (2549) กล่าวว่านอกจากนั้นแล้วการอ่าน คิด เขียน ถือเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง เพราะเป็นเกณฑ์การผ่านมาตรฐานและตัวชี้วัดตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน ฉบับพุทธศักราช 2551 อีกทั้งยังเป็นเครื่องมือของชีวิตในยุคปัจจุบัน ทั้งด้านการเรียนรู้ การสื่อสาร การสร้างความบันเทิง การสร้างสรรค์ผลงานต่างๆของบุคคล อาจกล่าวได้ว่า ผู้ใดที่มีทักษะทางภาษาดี ผู้นั้นสามารถครองโลกได้ แต่ปัญหาอันยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุดขณะนี้คือ ความสามารถในการอ่าน การคิด การเขียน ของเด็กไทยอยู่ในสภาพน่าเป็นห่วงที่สุด จากผลการประเมินการทดสอบขั้นพื้นฐานระดับชาติ O-NET กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนหนองขามวิทยาคาร จังหวัดขอนแก่น มีค่าเฉลี่ยร้อยละ 33.88 37.78 และ 72.11 ในปีการศึกษา 2551-2553 และทักษะที่เป็นปัญหามากที่สุดคือทักษะการอ่าน การคิด และการเขียน
จากหลักการและเหตุผลดังกล่าว ทักษะการอ่าน คิดและเขียน เป็นปัญหา ที่ควรได้รับการแก้ไขและปรับปรุง ผู้วิจัยเห็นว่าการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนหนองขามวิทยาคาร จังหวัดขอนแก่น จะพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะการอ่าน คิด และเขียนของนักเรียน และคาดหวังว่านักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียนด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น มีความสามารถด้านการอ่าน คิด เขียน อยู่ในระดับดี
1.เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะการอ่าน คิด เขียน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 2.เพื่อศึกษาความก้าวหน้าทางการเรียนของนักเรียนจากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 3.เพื่อศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
1.นักเรียนที่เรียนด้วยการจัดกิจกรรมที่เน้นทักษะการอ่าน คิด เขียน จะส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะการอ่าน คิด เขียน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 สูงขึ้น 2.นักเรียนที่เรียนด้วยการจัดกิจกรรมที่เน้นทักษะการอ่าน คิด เขียน จะมีความก้าวหน้าทางการเรียน 3. นักเรียนมีความคิดเห็นต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ อยู่ในระดับ เห็นด้วย
ประชากร : นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนหนองขามวิทยาคาร ที่กำลังเรียน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2554 จำนวน 4 ห้องเรียน จำนวนนักเรียน 148 คน กลุ่มตัวอย่าง : นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/2 โรงเรียนหนองขามวิทยาคาร ที่กำลังเรียน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2554 จำนวน 37 คน ได้มาโดยวิธีสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling)
ตัวแปรต้น :วิธีการสอนอ่าน การคิด และการเขียน ตัวแปรตาม :ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ทักษะการอ่าน คิด และการเขียน
ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2554 จำนวน 12 ครั้ง ๆ ละ 2 ชั่วโมง รวมทั้งสิ้น 24 ชั่วโมง ตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคม 2554 ถึง วันที่ 29 พฤศจิกายน 2554
แนวคิดหลัก • พัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะการอ่าน คิด และเขียน • ศึกษาความก้าวหน้าทางการเรียนด้านการอ่าน คิด เขียน • ศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ แนวคิดย่อย • ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 • ทักษะการอ่าน คิด และเขียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 • ความคิดเห็นของนักเรียนต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กรอบแนวคิดในการวิจัย
ประชากรและกลุ่มตัวอย่างประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ตัวแปรที่ใช้ในการวิจัย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย รูปแบบการวิจัย การเก็บรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูลและสถิติที่ใช้
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย แผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่าน คิด และเขียน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวัดทักษะการอ่าน คิด และเขียน แบบสอบถามความคิดเห็นของนักเรียนต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่าน คิด และเขียน
กำหนดจุดประสงค์ กำหนดกรอบของการสร้าง สร้างเครื่องมือ กำหนดรูปแบบ ร่างเครื่องมือ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ขั้นตอนการสร้างและหาคุณภาพของเครื่องมือ ทดลองใช้ ปรับปรุง แก้ไข วิเคราะห์เครื่องมือ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ สรุป นำไปใช้
รูปแบบการวิจัย • รูปแบบการวิจัย เป็นการวิจัยเชิงทดลอง ประเภทกึ่งทดลอง กับนักเรียนกลุ่มตัวอย่างที่มีการทดสอบก่อนการทดลอง (Pre-test) และหลังการทดลอง (Post-test )
ขั้นเตรียม ปฐมนิเทศนักเรียน • ทดสอบก่อนทดลอง • ดำเนินการทดลอง 12 ครั้ง • ทดสอบหลังทดลอง • เก็บรวบรวมข้อมูล นำไปวิเคราะห์ด้วยวิธีการทางสถิติ การเก็บรวบรวมข้อมูล
การวิเคราะห์ข้อมูลและสถิติที่ใช้ 1.1 ค่า (IOC) 1.2 ค่า t-test (t-Dependent) 1.3 ค่าเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และร้อยละ (Percentage)
ผลการวิจัยสรุปว่านักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะการอ่าน คิด และเขียน สูงขึ้น นักเรียนมีความก้าวหน้าทางการเรียนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และความคิดเห็นของนักเรียนที่เรียนจากการจัดกิจกรรม การเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่าน คิด เขียน อยู่ในระดับ เห็นด้วยอย่างยิ่ง ผลการวิจัย
การอภิปรายผล สาเหตุสำคัญที่นักเรียนที่เรียนรู้ด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่าน คิด และเขียน มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะการอ่าน คิด และเขียนสูงขึ้น อาจเป็นเพราะ 1. นักเรียนตื่นเต้นกับกระบวนการและวิธีการที่ใช้จัดการเรียนรู้ เพราะเป็นการจัดการเรียนรู้ที่มีขั้นตอนการอ่าน การคิด และการเขียนอย่างเป็นระบบและชัดเจน เป็นไปตามลำดับ 2. นักเรียนได้รับการฝึกทักษะจากเรื่องที่ง่ายใกล้ตัว ไปสู่เรื่องที่ยากขึ้นและไกลตัว 3. นักเรียนได้รับการเรียนรู้ที่สนุกสนาน ด้วยเพลง เกม นิทาน ข่าว เหตุการณ์ สถานการณ์ต่าง ๆ 4. ใบกิจกรรมที่ใช้ เรียงลำดับเป็นขั้นตอน ประกอบด้วยการใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย มีรูปภาพและข้อความที่สั้นและน่าสนใจ ผลงานของนักเรียนมีโอกาสนำเสนอให้เพื่อน ๆ ได้ชมเชย 5. การเรียนรู้ใช้ใบกิจกรรม ทำให้นักเรียนรู้จักการจัดระบบ เรียบเรียงถ้อยคำและลำดับความคิด เพื่อให้ได้คำตอบที่แสดงถึงทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ การคิดวิเคราะห์ การเขียนสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ ดังนั้นแผนการจัดการเรียนรู้จึงเป็นเครื่องมือการเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ฝึกพัฒนาทักษะการอ่าน การคิด และการเขียน ที่ได้ใช้ความสามารถตามศักยภาพของตนเอง ได้อย่างอิสระและมีเหตุผล
1. ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ก่อนดำเนินการควรทำความเข้าใจขั้นตอนกิจกรรมการเรียนรู้ ทั้ง 3 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นการอ่าน ขั้นการคิด ขั้นการเขียน ดังนั้นควรเตรียมเนื้อหา ใบงาน แบบฝึก และแบบทดสอบให้พร้อมก่อนทำการสอนทุกครั้ง 2. ผู้วิจัยใช้ภาพ นิทาน บทความ เพลง ข่าวเหตุการณ์และสื่อสิ่งพิมพ์ที่น่าสนใจ เป็นเนื้อหาในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ดังนั้น หากจะนำงานวิจัยดังกล่าวไปใช้พัฒนาทักษะการอ่าน คิดและเขียนของนักเรียนจะต้องศึกษาเนื้อหาให้เข้าใจก่อนการสอน และควรจัดกิจกรรมการเรียนรู้จากเนื้อหาที่ง่าย น่าสนใจ เหมาะสมกับวัยผู้เรียนเป็นอันดับแรกก่อน
1. ควรศึกษาผลการประเมินทักษะการอ่าน การเขียน การฟัง การดูและการพูด ควบคู่ไปกับความสามารถด้านการอ่าน คิด เขียน ในการเรียนด้วยเทคนิค วิธีการที่หลากหลาย เช่น หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ หรือค้นคว้าจากเว็บไซต์ เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง 2. ควรศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยใช้เนื้อหาที่หลากหลาย ไม่มีรูปภาพประกอบ หรือเนื้อหาในการอ่าน คิดวิเคราะห์ที่ยากและซับซ้อนขึ้น เพื่อให้นักเรียนเกิดการคิดวิเคราะห์ที่หลากหลายและสูงขึ้น
ขอขอบพระคุณคณาจารย์ทุกท่าน ที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาให้ผู้วิจัยได้ทำงานบรรลุผลสำเร็จ หากบกพร่องประการใดผู้วิจัยจะนำข้อเสนอแนะ ไปปรับปรุงแก้ไขต่อไป ขอบคุณค่ะ