890 likes | 1.44k Views
การผลิตไก่เนื้อ วิชาการผลิตสัตว์เศรษฐกิจ. รศ.ดร.วัชรพงษ์ วัฒนกูล คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. อุตสาหกรรมไก่เนื้อของประเทศไทย. ประเทศไทยผลิตเป็นอันดับ 7 ของโลก จำนวน 147.5 ล้านตัว ผู้เลี้ยง 32,963 ราย (ปี48) คิดเป็นผลิตภัณฑ์ประมาณ 0.95 ล้านตัน
E N D
การผลิตไก่เนื้อวิชาการผลิตสัตว์เศรษฐกิจการผลิตไก่เนื้อวิชาการผลิตสัตว์เศรษฐกิจ รศ.ดร.วัชรพงษ์ วัฒนกูล คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
อุตสาหกรรมไก่เนื้อของประเทศไทยอุตสาหกรรมไก่เนื้อของประเทศไทย • ประเทศไทยผลิตเป็นอันดับ 7 ของโลก • จำนวน 147.5 ล้านตัว ผู้เลี้ยง 32,963 ราย (ปี48) • คิดเป็นผลิตภัณฑ์ประมาณ 0.95 ล้านตัน • อันดับหนึ่ง คือ สหรัฐอเมริกา 15.8 ล้านตัน • จีน อันดับสอง 9.9 ล้านตัน
การผลิตเพื่อบริโภคภายใน 68% ส่งออก 32% • ส่งออก 32 % แบ่งเป็นโรงงานชำแหละมาตรฐาน 66 โรงงาน และโรงงานแปรรูปเพื่อการส่งออก 25 โรงงาน • มูลค่าการส่งออก 23,700 ล้านบาทในปี 2547 • ตลาดสำคัญคือ สหภาพยุโรป (EU) ประมาณ 40% และ ญี่ปุ่นประมาณ 30 % • ส่งออกในรูปเนื้อไก่แปรรูป (เดิมส่งไก่ชำแหละได้ แต่ปัจจุบันมีปัญหาเรื่องไข้หวัดนก)
ปัญหาสำคัญ • 1. คู่แข่งที่สำคัญคือ บราซิล สหรัฐ และจีน มีศักยภาพในการผลิตที่ดี และมีข่าวเรื่องปัญหาไข้หวัดนกระบาดน้อยกว่า • 2. ตลาดที่นำเข้าเนื้อไก่ไทย มีความกังวลในเรื่องการระบาดของไข้หวัดนก รวมทั้งมาตรฐานการผลิตและการแปรรูป สารปนเปื้อนทำให้ใช้เป็นข้ออ้างในการระงับการนำเข้า (ต้องผ่านการตรวจรับรองจากประเทศที่นำเข้า) • 3. ประชาชนผู้บริโภคเกิดความตระหนกในเรื่องโรคไข้หวัดนกทำให้ลดการบริโภคภายในประเทศ • 4. วัตถุดิบอาหารสัตว์มีราคาแพง รวมทั้งค่าขนส่งที่แพงขึ้นจากภาวะราคาน้ำมัน ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น
พันธุ์ไก่เนื้อ • ไก่เนื้อหรือไก่กระทงเป็นไก่ที่มีอายุการเลี้ยงสั้นเพียง 28 วัน จากลูกไก่น้ำหนัก 45 กรัม เป็นไก่เนื้อน้ำหนัก 1.2 กก. • อัตราการเจริญเติบโตเฉลี่ยวันละประมาณ 40-42 กรัม • พันธ์ที่ใช้เป็นพันธ์ลูกผสม (ไฮบริด) ระหว่างหลายสายพันธ์ ซึ่งทำให้ลูกผสมมีคุณสมบัติดีกว่าพ่อแม่ (Hybrid vigor)
กล่าวคือ มีอัตราการเจริญเติบโตดี มีประสิทธิภาพการใช้อาหารดี และมีคุณภาพซากดี แต่ไม่มีคุณสมบัติที่ดีในด้านการสืบพันธุ์ • (คนเลี้ยงจึงต้องซื้อลูกไก่กระทงมาขุนตลอดไม่สามารถผสมขยายพันธ์ต่อไปได้เอง)
โรงเรือน • 1. โรงเรือนแบบเปิด เป็นโรงเรือนหลังคาจั่ว มีผนังเป็นตาข่ายทำให้ลมถ่ายเทได้สะดวก ปัจจุบันไม่นิยม เพราะควบคุมอุณหภูมิได้ไม่ดี แต่มีค่าใช้จ่ายถูก 2. โรงเรือนแบบปิด เป็นโรงเรือนปิด เพื่อควบคุมอุณหภูมิโดยใช้พัดลมดึงไอน้ำผ่านอากาศร้อนภายใน ทำให้อุณหภูมิภายในลดลงเหลือเพียงประมาณ 28 องศาเซลเซียส
โรงเรือนเลี้ยงไก่ระบบปิดEVAP(EVAPORATIVE COOLING SYSTEM)โดย สุรชัย ศิริจรรยาผู้จัดการทั่วไปกิจการผลิตไข่ไก่ใช้สำหรับการบรรยายให้นักศึกษาคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เพื่อการศึกษาเท่านั้น
หลักการทำงานพื้นฐานของระบบ ของ EVAP คือ การนำอากาศผ่านเข้าไปในร่องของแผ่นเยื่อกระดาษ (COOLING PAD) ที่เปียกน้ำ และอากาศจะคายความร้อนให้น้ำ ทำให้อากาศเย็นลง
ส่วนประกอบที่สำคัญของโรงเรือนระบบ EVAP • 1. แผ่น COOLING PAD • 2. พัดลมดูดอากาศ • 3. ผ้าม่าน • 4. ปั้มน้ำและบ่อเก็บน้ำ • 5. อุปกรณ์ควบคุมการทำงานของพัดลมและปั้มน้ำ
1.แผ่น COOLING PAD • เป็นแผ่นกระดาษเคลือบด้วย cellulose เพื่อให้แข็งแรง • ลักษณะเป็นร่องลูกฟูกประกบกัน • คุณสมบัติเปียกน้ำง่ายแต่ไม่เปื่อยยุ่ย • ติดตั้งไว้ส่วนต้นของโรงเรือนด้านตรงข้ามกับพัดลม
2.พัดลมดูดอากาศ • เป็นพัดลมในระบบดูดอากาศ ติดตั้งไว้ท้ายเล้า • มี shutters ช่วยป้องกันลมย้อนเข้าเล้าเมื่อพัดลมตัวนั้นหยุดทำงาน • กรวยพัดลมจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของพัดลม
3.ผ้าม่าน • ทำจากพลาสติก PVC ที่มี UV PROTECT • ต้องปิดให้สนิทเพื่อป้องกันอากาศร้อนจากภายนอกรั่วเข้ามา • ติดตั้งอุปกรณ์ผ้าม่านตก เผื่อกรณีไฟฟ้าดับ ผ้าม่านด้านบน ผ้าม่านด้านข้าง
4.ปั้มน้ำและบ่อเก็บน้ำ4.ปั้มน้ำและบ่อเก็บน้ำ • ประสิทธิภาพของปั้มน้ำต้องส่งน้ำได้พอเพียงกับความต้องการของ cooling pad • บ่อเก็บน้ำต้องมีปริมาณน้ำพอเพียงเพื่อให้ปั้มน้ำใช้งานได้ตลอดเวลาและมีการกรองตะกอนก่อนใช้ราดPAD
5.อุปกรณ์ควบคุมการทำงานของพัดลมและปั้มน้ำ5.อุปกรณ์ควบคุมการทำงานของพัดลมและปั้มน้ำ • เพื่อควบคุมพัดลมและปั้มน้ำให้ทำงานตามอุณหภูมิที่ต้องการภายในโรงเรือน • จุดที่ติดตั้งต้องสามารถบอกสภาพอากาศภายในโรงเรือนได้ดี • ติดตั้งบริเวณกลางเล้า สูง 2 – 5 ฟุตจากพื้นเล้า
อุปกรณ์เสริมที่สำคัญ(กรณีไฟฟ้าดับ)อุปกรณ์เสริมที่สำคัญ(กรณีไฟฟ้าดับ) • สัญญาณเตือน • ชุดผ้าม่านตก • เครื่องสำรองไฟฟ้า
EFFECTIVE TEMPERATURE A. TEMP. RH AIR SPEED E. TEMP. 80F 50% 0 82F 80F 70% 0 86F 80F 50% 400 66F 80F 70% 400 69F
พื้นคอก • พื้นปูน ปูด้วยแกลบหนาประมาณ 2-3 นิ้ว มีความชื้นไม่เกิน 25% • มีรางให้อาหารและน้ำอัตโนมัติ • โรงเรือนเปิดอาจเลี้ยงได้ไม่เกิน 2,000 ตัว /โรงเรือน ในอัตรา 10 ตัว ต่อ ตารางเมตร • โรงเรือนปิดอาจเลี้ยงได้ถึง 20,000 ตัว/ โรงเรือน ในอัตรา 12 ตัว ต่อตารางเมตร
อุณหภูมิที่ลูกไก่ต้องการอุณหภูมิที่ลูกไก่ต้องการ
อาหาร • อาหารไก่เล็ก มีโปรตีนประมาณ 22 % พลังงาน 3,200 kcal/kgซึ่งเมื่อลูกไก่โตขึ้นมีการปรับเป็นอาหารที่มีโปรตีนต่ำลงเหลือ 20 % • ส่วนใหญ่บริษัทจะแบ่งอาหารออกเป็น • 1-20 วัน Starter • 21-35 วัน Grower • 36 วันขึ้นไป Finisher
น้ำ • น้ำ ใช้หลักคำนวณคือ • 10 N ลิตร ต่อไก่ 1,000 ตัว โดยที่ N เท่ากับอายุไก่เป็นสัปดาห์ เช่น ไก่อายุ 2 สัปดาห์ ให้น้ำ 2x 10 =20 ลิตร ไก่อายุ 3 สัปดาห์ ให้น้ำ 3 x 10 = 30 ลิตร
เมื่อนำไก่เข้าฟาร์ม • 1. เตรียมคอก ติดตั้งไฟกก รางน้ำ รางอาหาร • 2. ให้ลูกไก่ได้รับน้ำและอาหาร โดยเฉพาะไวตามิน และยาปฏิชีวนะชนิดละลายน้ำทันที • 3. มีการเพิ่มแสงเพื่อเพิ่มการกินได้ของไก่ • 4. ทำวัคซีน เช่นนิวคลาสเซิล หรือ ฝีดาษ ตามโปรแกรม โดยก่อนทำวัคซีนควรงดน้ำเป็นเวลา1-2 ชม. ( ถ้าร้อนก็งดช่วงสั้นๆ)
5. ตัดปากไก่เมื่ออายุประมาณ 9 วัน 6. เสริมกรวดเพื่อช่วยย่อย 5.0 กก. ต่อไก่ 1,000 ตัว 7. สุ่มตรวจสุขภาพตลอดเวลา 8. มีการระบายอากาศที่ดี มีกาซคาร์บอนไดออกไซด์ไม่เกิน 3,000 ppm. กาซแอมโมเนีย ไม่เกิน 20 ppm. 8. งดอาหาร ก่อนส่งโรงฆ่า 2 -4 ชม.
การผลิตไก่ไข่ • การผลิต จำนวน 41 ล้านตัว ผู้เลี้ยง 20,760 ราย (ปี 48) ในปี 2547 ผลิตไข่ประมาณ 6,600 ล้านฟอง มีแนวโน้มลดลงเนื่องจากปัญหาเรื่องไข้หวัดนก และต้นทุนการผลิตสูงขึ้น (ประมาณ 1.96 บาท/ฟอง ขายได้ 2.00 บาท กำไร 0.04 บาท)
การนำเข้า มีการนำเข้าผลิตไข่เช่น ไข่ขาวผง ไข่รวมผง เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมอาหารแปรรูป และขนม ประมาณ 1,161 ตัน (318 ล้านบาท)
การเปิดการค้าเสรี อาจมีผลทำให้ไข่จาก จีน สหรัฐและอินเดียเข้าสู่ไทยได้ • การส่งออก ปี 2547 ส่งออก 45 ล้านฟอง สู่ ฮ่องกง, แอฟริกา และโอมาน • คู่แข่ง จีน เยอรมัน และฮอลแลนด์
ปัญหาและอุปสรรค • 1. สุขอนามัย เช่นโรคไข้หวัดนก สารปนเปื้อน • 2. ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น จากวัตถุดิบอาหาร ค่าขนส่ง • 3. ถ้ามีการเปิดเขตการค้าเสรี ทำให้คู่แข่งสามารถส่งไข่ราคาถูกกว่าเข้ามาขายในไทยได้
การจัดการไก่ไข่ • เลี้ยงไก่เล็กเป็นไก่รุ่นพร้อมไข่ ที่อายุ ประมาณ 119-120 วัน (17 สัปดาห์) • โดยจัดการเลี้ยงไก่เล็ก (0-4 สัปดาห์) จาก 0-35 วันให้อาหาร 900 กรัม ตัดปาก ที่อายุ 1 วันมาจากโรงฟัก หรือตัดที่ฟาร์มที่อายุ 10 วัน ประมาณ 1/3 ของปาก
การจัดการช่วง 4-16 สัปดาห์ (ระยะไก่รุ่นก่อนไข่) • ความหนาแน่น โรงเรือนเปิด 8 ตัว/ ตร.ม. • โรงเรือน ปิด 12 ตัว/ตร.ม. • ใช้อาหารไก่รุ่น จนกระทั่งไก่เริ่มไข่ได้ก่อนถึง 2% (ของทั้งฝูง) ให้เปลี่ยนเป็นอาหารไก่ไข่ • ให้ไก่กินอาหารให้หมดทุกวัน และในช่วงที่ไก่อายุได้ 10-12 สัปดาห์ควรปล่อยให้อาหารหมด 2-3 ชม.ต่อวัน เพื่อควบคุมน้ำหนักตัว
ชั่งน้ำหนักไก่โดยสุ่มชั่งประมาณ 10 % ของฝูง • ให้แสงวันละ 15-16 ชม. • เพื่อให้ไก่มีน้ำหนักตัวดี และให้ไข่เร็วขึ้น • ทำการย้ายไก่เข้าโรงเรือนไก่ไข่ที่อายุ 15-17 สัปดาห์ (เฉลี่ยที่ 16 สัปดาห์) • ทำวัคซีนก่อนย้าย 1 สัปดาห์ • น้ำหนักควรจะประมาณ 1,380 กรัม (ต่ำสุด 1,250 กรัม)
การจัดการระยะไก่ไข่ (17 สัปดาห์ เป็นต้นไป) • 1. ย้ายทำให้ไก่เครียดและน้ำหนักลด 5-10 % • 2. เมื่อย้ายเข้าโรงเรือนไก่ไข่ เพิ่มแสงให้เป็น 23-24 ชม. ต่อวัน เป็นเวลา 7 วัน เพื่อให้ไก่ได้กินน้ำและอาหารให้เต็มที่และลดลงมาเหลือ 15 ชม. • 3. อุณหภูมิในโรงเรือนปิดประมาณ 25-29 องศา ซ. • 4. ให้อาหารเพียงวันละครั้งๆละ 115-120 กรัมต่อตัว
5. มีการควบคุมการให้แสง • 6. มีการชั่งน้ำหนัก สุ่ม 3-5 % (2 สัปดาห์ต่อครั้ง) • 7. มีการเก็บไข่ 4-6 ครั้งต่อวัน (ไก่ไม่ได้ไข่ในเวลาเดียวกันทุกตัว) • โดยไก่มักจะไข่ช้าไปกว่าวันก่อนประมาณ 1-2 ชม. และไม่ค่อยไข่ในช่วงบ่าย
8. กระตุ้นการกินอาหารโดยการเคาะรางอาหารบ่อยๆ และให้อาหารตอนอากาศเย็น • ไก่จะเริ่มไข่ที่อายุประมาณ 17 -19 สัปดาห์ • มีระยะไข่สูงสุด (ประมาณ 95%) ในช่วงอายุ 35-50 สัปดาห์ • ปลดไก่ออกเมื่ออายุประมาณ 80 สัปดาห์ โดยในช่วงท้าย เมื่อไก่อายุ 72 สัปดาห์ ไก่จะไข่เหลือประมาณ 75 % • รวมแล้วจากไก่ไช้เวลาไข่ประมาณ 52-60 สัปดาห์ มีอายุในช่วงปลดประมาณ 1.5-1.8 ปี
ตารางการให้แสงของไก่ไข่ตารางการให้แสงของไก่ไข่
การผลิตเป็ด • เป็ดเนื้อ 6.5 ล้านตัว ผู้เลี้ยง 84,164 ราย (ปี 48) • เป็ดเทศ 4.5 ล้านตัว ผู้เลี้ยง 42,604 ราย (ปี 48) • เป็ดไข่ 10.5 ล้านตัว ผู้เลี้ยง 99,617 ราย (ปี 48) • เริ่มเปลี่ยนจากระบบเลี้ยงปล่อย(ฟาร์มเปิด) และระบบไล่ทุ่ง เป็นระบบฟาร์มปิด และมีการพัฒนาโรงเรือนแบบ Evap. เช่นเดียวกับการผลิตไก่ เนื่องจากปัญหาไข้หวัดนก และการควบคุมด้านมาตรฐานฟาร์ม
เป็ดเนื้อและเป็ดเทศ • 1. เป็ดปักกิ่ง มีขนสีขาวครีม ขนาดประมาณ 4-5 กก. สามารถเลี้ยงส่งตลาดได้ในระยะเวลาประมาณ 8 สัปดาห์ ที่น้ำหนัก 3.5-4 กก. • 2. เป็ดเทศ (มัสโควี่, Muscovy duck) เป็ดจากอเมริกา มีขนาดใหญ่ประมาณ 4.5-6 กก. หน้าและหัวมีสีแดง ผิวขรุขระเหมือนไก่งวงตัวผู้ และมีสีขาว น้ำเงิน ปนสีดำ
3. เป็ดปั๊วฉ่าย เป็นเป็ดลูกผสมระหว่างเป็ดเทศและเป็ดพื้นเมือง ซึ่งมีลักษณะการเจริญเติบโตที่ดีเลี้ยงง่าย มีน้ำหนักประมาณ 3-4 กก. • 4. เป็ดเชอรี่ วอลเล่ย์ (Cherry valley) เป็ดลูกผสมทางการค้า ใช้เวลา 7 สัปดาห์ มีน้ำหนักประมาณ 3.3 กก.