130 likes | 234 Views
ใ บไม้. ใ บไม้. ใบไม้ คือส่วนที่เรียกว่า โฟ ลิ เอจ เป็นส่วนที่สร้างอาหารโดยกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง ใบไม้มีขนาดและรูปร่างแตกต่างกันหลายแบบแบ่งเป็น 2 แบบใหญ่ๆ ตามลักษณะที่แตกต่างกัน. ก ายวิภาคของใบ.
E N D
ใบไม้ ใบไม้คือส่วนที่เรียกว่า โฟลิเอจ เป็นส่วนที่สร้างอาหารโดยกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง ใบไม้มีขนาดและรูปร่างแตกต่างกันหลายแบบแบ่งเป็น 2 แบบใหญ่ๆ ตามลักษณะที่แตกต่างกัน
กายวิภาคของใบ ลักษณะของใบ พืชดอกที่สมบูรณ์นั้นประกอบไปด้วย ก้านใบ, แผ่นใบ, และ หูใบ ก้านใบนั้นจะเป็นส่วนต่อมาจากลำต้นใบบริเวณที่เรียกว่า "ง่ามกิ่งหรือซอกใบ" แต่ก็ใช่ว่าพืชทุกชนิดจะมีใบตามลักษณะที่กล่าวมาข้างต้น ในพืชบางชนิดคู่หูใบจะไม่ปรากฏเด่นชัดหรือไม่มีเลย ก้านใบอาจไม่มีหรือแผ่นใบอาจไม่เป็นแผ่นแบน ความหลากหลายที่มีมากมายนี้ถูกแสดงในกายวิภาคของใบจากชนิดหนึ่งถึงอีกชนิดหนึ่งที่ถูกเสนอในรายละเอียดภายใต้รูปร่างลักษณะของใบ
ใบนั้นถือว่าเป็นอวัยวะหนึ่งซึ่งทั่วไปประกอบไปด้วย:ใบนั้นถือว่าเป็นอวัยวะหนึ่งซึ่งทั่วไปประกอบไปด้วย: 1.เนื้อเยื่อชั้นผิว ที่จะปกคลุมผิวด้านบน (2) และด้านล่าง (5) 2.ในพาเรงคิมา ภายในที่เรียกว่ามีโซฟิลล์ (3:แพลิเซด มีโซฟิลล์) (4:สปองจี มีโซฟิลล์) 3.ข้อของเส้นใบ (10:ท่อลำเลียง) (8:ไซเล็ม) (9:โฟลเอ็ม) 4.ปากใบ (6) 5.เซลล์คุม (7) 6.ผิวเคลือบคิวทิน (1) ที่ปกคลุมเนื้อเยื่อชั้นผิวอีกที
ประเภทของใบไม้ ใบเดี่ยว ใบเดี่ยว (simple leaf) หมายถึงใบที่มีเพียงใบเดียวติดกับก้านที่แตกออกจากกิ่งหรือลำต้น เช่น มะม่วงกล้วย แต่ยังมีใบเดี่ยวบางชนิดที่ขอบใบเว้าเข้าไปมากทำให้ดูคล้ายใบประกอบ เช่น มะละกอมันสำปะหลัง ใบประกอบ ใบประกอบ (compound leaves) หมายถึงใบที่มีใบย่อยตั้งแต่ 2 ใบอยู่ติดกับก้านใบ 1 ก้าน แต่ละใบของใบประกอบ เรียก ใบย่อย (leaflet หรือ pina) ก้านใบย่อย เรียก เพทิโอลูล (petioluleหรือ petiolet) ส่วนก้านใบใหญ่ที่อยู่ระหว่างช่วงก้านใบย่อย เรียก ราคิส (rachis) ใบประกอบแยกย่อยได้ 2 แบบ
ใบประกอบแยกย่อยได้ 2 แบบ ใบประกอบแบบฝ่ามือหรือแบบนิ้วมือ (palmately compound leaves) ใบย่อยแต่ละใบจะแยกออกจากก้านใบที่จุดรวมเดียวกัน โดยจะมีใบย่อยตั้งแต่ 2 ใบเช่น มะขามเทศ ใบย่อย 3 ใบเช่น ยางพาราถั่ว ใบย่อย 4 ใบเช่น ใบนุ่นหนวดปลาหมึก ใบประกอบแบบขนนก (pinnately compound leaves)ใบย่อยแต่ละใบแยกออกจากก้าน 2 ข้างของแกนกลาง คล้ายขนนก ถ้าปลายสุดของใบจะเป็นใบย่อยเพียงใบเดียวเรียก แบบขนนกคี่ (odd pinnate) เช่น กุหลาบอัญชันก้ามปู ถ้าสุดปลายใบมี 2 ใบ เรียกแบบขนนกคู่ (even pinnate) เช่น มะขามขี้เหล็กแคบ้าน
ใบขอบ (Margins, edge) 1.angulate: เป็นมุม 2.entire: เรียบ 3.ciliate: เป็นขนครุย 4.crenate: หยักมน 5.crenulate: หยักมนถี่ 6.dentate: หยักซี่ฟัน 7.bidentate: หยักซี่ฟัน 2 ชั้น8.denticulate: หยักซี่ฟันถี่
ปลายใบ 1.acuminate: เรียวแหลม 2.acute: แหลม 3.cuspidate: เป็นติ่งแหลม 4.emarginate: เว้าตื้น 5.mucronate: เป็นติ่งหนาม 6.mucronulate: เป็นติ่งหนามสั้น 7.obcordate: รูปหัวใจกลับ 8.obtuse: ป้าน, มน 9.truncate: ปลายตัด
โคนใบ 1.acuminate: เรียวแหลม 2.acute: แหลม 3.auriculate: รูปติ่งหู, รูปติ่งใบ 4.cordate: รูปหัวใจ 5.cuneate: รูปลิ่ม 6.hastate: รูปเงี่ยงใบหอก 7.oblique: เบี้ยว 8.reniform: รูปไต 9.rounded: กลม 10.sagittate: รูปเงี่ยงลูกศร 11.truncate: ปลายตัด
จัดทำโดย นางสาวสุชานันท์ ดีมี