1 / 24

หน้าที่พลเมือง

หน้าที่พลเมือง. กฎหมายเรื่องน่ารู้. กฎหมาย คือ คำสั่งหรือข้อบังคับของรัฐที่กำหนดขึ้น เพื่อกำหนดความประพฤติของพลเมือง ผู้ใดฝ่าฝืนไม่ยอมปฏิบัติตามมีความผิด และถูกลงโทษ การบังคับนี้ใช้กับพลเมืองทุกคน ไม่จำกัด อายุ เพศ ชั้น วรรณะ สัญชาติ และกฎหมายจะใช้บังคับตลอดไปจนกว่าจะประกาศยกเลิก.

abeni
Download Presentation

หน้าที่พลเมือง

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. หน้าที่พลเมือง กฎหมายเรื่องน่ารู้

  2. กฎหมาย คือ คำสั่งหรือข้อบังคับของรัฐที่กำหนดขึ้น เพื่อกำหนดความประพฤติของพลเมือง ผู้ใดฝ่าฝืนไม่ยอมปฏิบัติตามมีความผิด และถูกลงโทษ การบังคับนี้ใช้กับพลเมืองทุกคน ไม่จำกัด อายุ เพศ ชั้น วรรณะ สัญชาติ และกฎหมายจะใช้บังคับตลอดไปจนกว่าจะประกาศยกเลิก

  3. ประเภทของกฎหมาย • กฎหมายเอกชน • กฎหมายมหาชน • กฎหมายระหว่างประเทศ

  4. กฎหมายเอกชน คือ กฎหมายที่กำหนดความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลต่อบุคคล เอกชนต่อเอกชนในรัฐเดียวกัน ได้แก่ - กฏหมายแพ่งและพาณิชย์ กำหนดสิทธิและหน้าที่ของบุคคลโดยทั่วไป - กฏหมายวิธีพิจารณาความเพ่ง กำหนดข้อบังคับและวิธีการดำเนินการพิจารณาคดีในศาลเพ่ง

  5. ประมวลกฎหมายเพ่งและพาณิชย์ (ป.พ.พ) เป็นกฎหมายที่บัญญัติไว้เป็นหลักตัดสินกรณีพิพาทเรื่องเกี่ยวกับสิทธิ ทรัพย์สินระหว่างบุคคล เมื่อมีกรณีขัดแย้งกันขึ้น เริ่มใช้ตั้งแต่ พ.ศ. 2466 ทั้งหมด 6 บรรพ ดังนี้ บรรพ 1 หลักทั่วไปว่าด้วยเรื่องบุคคล นิติบุคคล ทรัพย์นิติกรรม ระยะเวลา อายุความ บรรพ 2 เรื่องหนี้ สัญญา ลาภที่ควรได้ ละเมิด

  6. บรรพ 3 กล่าวถึงว่าด้วยเรื่องเอกเทศสัญญา ได้แก่ ซื้อขาย แลกเปลี่ยน ค้ำประกัน บรรพ 4 กล่าวถึงว่าด้วยเรื่องทรัพย์สิน ได้แก่ กรรมสิทธ์ สิทธิครอบครอง สิทธิอาศัย บรรพ 5 กล่าวถึงว่าด้วยเรื่องครอบครัว ได้แก่ การสมรส บิดามารดา สิทธิหน้าที่ ค่าอุปการะเลี้ยงดู บรรพ 6 กล่าวถึงว่าด้วยเรื่องมรดก ได้แก่ การตกทอดแห่งมรดก การเป็นทายาท

  7. กฏหมายมหาชน คือ กฎหมายที่กำหนดความ สัมพันธ์ระหว่างรัฐกับประชาชน ได้แก่ - กฎหมายรัฐธรรมนูญ - กฎหมายปกครอง - กฎหมายอาญา - กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา - พระธรรมนูญศาลยุติธรรม

  8. กฎหมายระหว่างประเทศคือ กฎหมายที่กำหนดความสัมพันธ์ระหว่างรัฐต่อรัฐ - กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีเมือง เช่น สนธิสัญญาว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศด้านเศรษฐกิจและสังคม - กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล เช่น กฎหมายเกี่ยวกับสัญชาติ - กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีอาญา เช่น กฎหมายว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน

  9. รัฐธรรมนูญ เป็นกฎหมายลายลักษณ์อักษรที่สำคัญ เนื่องจากเป็นกฎหมายที่เป็นแม่บท หรือเป็นหลักสำคัญในการกำหนดระเบียบแห่งอำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศ กฎหมายอื่นใดจะมาลบล้างหรือขัดต่อบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญย่อมไม่ได้

  10. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 เป็นกฎหมายสูงสุด ว่าด้วยการจัดระเบียบการปกครองราชอาณาจักรไทยที่เป็นลายลักษณ์อักษร ฉบับที่ 18 จัดให้มีการออกเสียงประชามติในวันที่ 19 สิงหาคมพ.ศ. 2550 เมื่อวันที่ 24 สิงหาคมพ.ศ. 2550 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา และมีผลบังคับใช้

  11. สถานะ คือ ตำแหน่งหรือฐานะของบุคคล - คนเกิดในบ้าน แจ้งภายใน 15 วัน - คนเกิดนอกบ้าน แจ้งภายใน 30 วัน - คนตายในบ้าน แจ้งภายใน 24 ชั่วโมง - คนตายนอกบ้าน แจ้งภายใน 24 ชั่วโมง เมื่อพบศพ การสมรส กำหนดให้จดทะเบียน 1 ต.ค. 2478 การหย่า ต้องทำเป็นหนังสือและมีพยานรับรอง

  12. การรับบุตรบุญธรรม ก. ผู้รับบุตรบุญธรรมต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปี ข. ต้องมีอายุแก่กว่าผู้ที่จะเป็นบุตรบุญธรรมอย่างน้อย 15 ปี ค. ถ้าผู้ที่จะเป็นบุตรบุญธรรมมีอายุตั้งแต่ 15 ปี ผู้นั้นต้องให้ความยินยอมด้วย ง. การรับบุตรบุญธรรมจะสมบูรณ์ต่อเมื่อได้จดทะเบียนตามกฎหมายแล้ว

  13. การเลิกรับบุตรบุญธรรมการเลิกรับบุตรบุญธรรม 1. เลิกโดยการตกลงยินยอมกันเอง 2. เลิกโดยคำพิพากษาของศาล 3. เลิกโดยผลของกฎหมาย คือ เมื่อผู้รับบุตรบุญธรรมกับบุตรบุญธรรมสมรสกัน

  14. การรับรองบุตร บุตรนอกสมรสจะมีสถานะเป็นบุตรโดยชอบธรรมด้วยกฎหมายได้ 3 กรณี คือ ก. บิดามารดาได้สมรสกันในภายหลัง ข. บิดาได้จดทะเบียนว่าเป็นบุตร ค. ศาลพิพากษาว่าเป็นบุตร

  15. ผู้เยาว์ ผู้เยาว์ คือ ผู้ที่ยังอ่อนทั้งในด้านอายุ ร่างกาย และสติปัญญา กฎหมายจัดให้ผู้เยาว์อยู่ในความดูแลของบุคคลซึ่งเรียกว่า “ผู้แทนโดยชอบธรรม”

  16. ผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เยาว์แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 1. ผู้ใช้อำนาจปกครอง 2. ผู้ปกครอง บุคคลที่ยกเว้นการเป็นผู้ปกครอง • คนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ • บุคคลล้มละลาย • ผู้ซึ่งไม่เหมาะสมปกครองผู้เยาว์หรือทรัพย์สินผู้เยาว์ • ผู้เคยมีคดีในศาลกับผู้เยาว์ • บิดาหรือมารดาระบุไว้ห้ามเป็นผู้ปกครอง

  17. ผู้เยาว์ คือ ผู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ผู้เยาว์จะบรรลุ นิติภาวะต่อเมื่อ 1. อายุ 20 ปีบริบูรณ์ 2. สมรสแล้วถูกต้องตามกฎหมาย - หญิงชายจะสมรสได้ต่อเมื่ออายุครบ 17 ปี - เมื่อศาลอนุญาตให้สมรสในกรณีอายุไม่ครบ 17 ปี

  18. นิติกรรม ได้แก่ การใด ๆ อันทำลงโดยชอบด้วยกฎหมายและด้วยใจสมัคร มุ่งโดยตรงต่อการผูกนิติสัมพันธ์ขึ้นระหว่างบุคคลเพื่อก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรือระงับซึ่งสิทธิ

  19. องค์ประกอบนิติกรรม แบ่งได้ 5 อย่าง คือ • การแสดงเจตนา • ต้องเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย • ต้องเป็นการกระทำด้วยใจสมัคร • ผู้แสดงเจตนามุ่งก่อให้เกิดความผูกพันทางกฎหมาย • มีการเคลื่อนไหวในสิทธิ คือ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรือระงับสิทธิ

  20. นิติกรรมที่ตกเป็นโมฆะ คือ นิติกรรมที่เสียเปล่าใช้ไม่ได้ ไม่เกิดผลในทางกฎหมาย • นิติกรรมที่ตกเป็นโมฆียะ คือ นิติกรรมที่สมบูรณ์อยู่ในขณะที่ทำ เมื่อถูกบอกล้างจึงตกเป็นโมฆะ หรืออาจสมบูรณ์ตลอดไปถ้ามีการให้สัตยาบัน

  21. ตามหลักกฎหมายผู้เยาว์จะทำนิติกรรมต้องได้รับความยินยอมจาก ผู้แทนโดยชอบธรรม หากทำไปโดยปราศจากความยินยอม นิติกรรมย่อมตกเป็น โมฆียะ นิติกรรมเป็นโมฆียะ หมายถึง นิติกรรมที่ใช้ได้สมบูรณ์ เพียงแต่ว่าถ้านิติกรรมที่เป็นโมฆียะนี้ถูกบอกล้างเมื่อใด นิติกรรมจะตกเป็นโมฆะตั้งแต่เริ่มแรกที่ทำนิติกรรม แต่หากมีการให้สัตยาบันนิติกรรมนี้ก็จะสมบูรณ์ตลอดไป

More Related